วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ยอดการใช้ Android KitKat เพิ่มขึ้นเป็น 30.2% ส่วน Jelly Bean ยังลดลงต่อเนื่อง
แม้ส่วนแบ่งทางการตลาดของมือถือ Android ทั่วโลกประจำไตรมาสที่ 3 จะลดลงจากไตรมาส 2 เพียง 1% จาก 85% มาอยู่ที่ 84% แต่ในทางกลับกันยอดการใช้งาน Android KitKat ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รายงานตัวเลขล่าสุดของระบบปฏิบัติการ Android KitKat จากการสำรวจภายในระยะเวลา 7 วัน สิ้นสุด ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน เผยให้เห็นว่ามีสัด ส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 30.2% จากอุปกรณ์ที่เข้าถึง Play Store ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันสัดส่วนของ Jelly Bean ยังเป็นระบบปฏิบัติการที่ครองส่วนแบ่งอยู่เป็นส่วนใหญ่ โดย ณ เวลานี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 50.1% แต่นับว่ามียอดการใช้ลดลงต่อเนื่อง
ส่วนของ Android Ice Cream Sandwich มียอดการใช้ขณะนี้อยู่ที่ 8.5%, Gingerbread ยังมีอยู่ถึง 9.8%
ทั้งนี้การอัพเดทระบบปฏิบัติการให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android ให้ได้ใช้ KitKat ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายแบรนด์ รวมถึง Google ต่างร่วมมือกันพยายามที่จะลดระยะเวลาในการปล่อยซอฟต์แวร์อัพเดทให้น้อยลงที่สุด เพื่อตอบสนองต่อผู้ใช้งานที่มีอยู่จำนวนมาก โดยที่ผ่านมาผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android ต่างรอคอยกันนานหลายเดือนกว่าจะได้รับการอัพเดทมาใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ๆ
ที่มา 9to5google,ARIP
วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Review Windows Server 2012R2
10 ฟีเจอร์เด่นบน Windows Server 2012
หนึ่งในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดที่ หลายคนรอคอยว่าจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งมีการเปิดเผยว่ามีการปรับปรุงอินเทอร์เฟซ และคุณสมบัติในการทำงานกว่าร้อยอย่าง โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับระบบเสมือนหรือเวอร์ชวลไลเซชันและการจัดการระบบไอที ด้วย ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ได้สาธิตคุณสมบัติและการปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ๆที่เกิดขึ้น ใน Windows Server 2012 โดยอ้างอิงถึงคุณลักษณะสำคัญของ Windows Server ที่มีทั้งความยืดหยุ่น, คล่องตัว, และปลอดภัยที่ทำได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ซึ่ง Windows Server 2012 จะเข้ามาเติมเต็มและรับช่วงต่อจาก Windows Server 2008
มีการพูดถึงระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่จาก ไมโครซอฟท์นี้มากมาย แต่โดยรวมจะมีอยู่ 10 คุณสมบัติหรือ
ฟีเจอร์สำคัญ อาทิ ระบบจัดการข้อมูลซ้ำซ้อน (Data deduplication) สำหรับไฟล์เซิร์ฟเวอร์, การสนับสนุน PowerShell ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการระบบเสมือนอย่าง Hyper-V ได้ง่ายผ่านคอมมานด์ไลน์ และอื่นๆ น่าสนใจสำหรับ Windows Server 2012 เวอร์ชัน Beta นี้
1. การจัดการเซิร์ฟเวอร์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่: รองรับทั้งเซิร์ฟเวอร์จริงและเสมือนผ่านทาง Active Directory รวมไปถึงการแสดงข้อมูลในภาพรวมของเซิร์ฟเวอร์ตามบทบาทหน้าที่และคุณลักษณะใน การใช้งานต่างๆ บนแดชบอร์ด พร้อมกับสามารถสร้างแดชบอร์ดส่วนตัวเพื่อจัดการกับเซิร์ฟเวอร์ได้อีกด้วย ภายใต้คอมมานด์ไลน์อย่าง PowerShell และ WMI (Windows Management Interface) และมีการพิจาณาถึง cmdlet ซึ่งเป็นคำสั่งเซลล์เฉพาะทางใหม่ๆกว่า 2,300 คำสั่งอีกด้วย
2. การจัดการการใช้งานเซิร์ฟเวอร์แบบอิสระ: Windows Server 2012 ได้สืบทอดคุณสมบัตินี้มาจาก Wizard ใน Windows Server 2008 สำหรับการจัดการเซิร์ฟเวอร์ตามบทบาทและการใช้งาน แต่คราวนี้จะเป็นการรวบรวมเอาคุณสมบัติเหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งสามารถเลือกจัดการเซิร์ฟเวอร์แบบ Local หรือแบบ Remote รวมทั้งฮาร์ดดิสก์เสมือน โดยสามารถจัดการการใช้งาน แบบอัตโนมัติผ่านทาง cmdlets ของ PowerShell และ API ของWMI หรือแม้แต่การติดตั้งหรือเคลื่อนย้ายเซิร์ฟเวอร์หลัก (Server Core) ก็ทำได้ง่ายขึ้น
3. การจัดการ IP Address: ต่อไปนี้อาจไม่ต้องใช้สเปรดชีตในการติดตามการจัดสรร IP Address โดย Windows Server 2012 จะมาพร้อมกับระบบการจัดการ IP Address เต็มรูปแบบ โดยสามารถจัดสรร IP Address และติดตามความเคลื่อน ไหวของสถิติ, สถานะของ DNS และ DHCP, รวมทั้งความสามารถในการตรวจสอบเครือข่ายทั้งหมดจากจุดเดียวด้วย
4. การควบคุมการเข้าถึงแบบไดนามิก: การควบคุมการเข้าถึงแบบไดนามิกจะช่วยให้สามารถกำหนดนโยบายและสิทธิเรียกร้อง ตามการควบคุมการเข้าถึงตามความสำคัญได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องสร้างกฎเพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงสมาชิกของกลุ่มการเงินสามารถเข้า ถึงไฟล์ของแผนกการเงินอย่างเคร่งครัดและจากอุปกรณ์ที่มีการควบคุมดูแลอยู่ และกฎนี้อาจจะมีผลบังคับใช้โดยทั้งหมดใช้ Windows Server 2012 ที่อยู่ในส่วนของไฟล์เซิร์ฟเวอร์
5. การคลัสเตอร์ Hyper-V ขนาดใหญ่: Windows Server 2012 จะรองรับการคลัสเตอร์กว่า 63 โฮสต์และ 4,000 เวอร์ชวลแมชชีน โดยมีการปรับปรุงคุณลักษณะในการจัดการ, ความมีสเถียรภาพและการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในแง่ของการจัดการข้อมูลและสตอเรจ รวมไปถึงการเข้ารหัสและการเคลื่อนย้ายสตอเรจพร้อมกับรองรับ NIC (Network Interface Card) จากผู้ผลิตหลายราย และการกำหนดค่าสำหรับ i/o ของการเชื่อมต่อผ่านไฟเบอร์สำหรับ Hyper – V
6. การเคลื่อนย้ายที่มีความยืดหยุ่นสูง: Windows Server 2012 จะมาพร้อมกับความสามารถในการเคลื่อนย้ายฮาร์ดดิสก์เสมือนหรือแฟ้มที่มีการ กำหนดค่าสำหรับเวอร์ชวลแมชชีน โดยไม่มีการหยุดชะงักของระบบ นอกจากนี้ Windows Server 2012 ยังสามารถจำลองการปฏิบัติงาน รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของเวอร์ชวลแมชชีนในการเปลี่ยนผู้ถือครองทรัพยากร ในกลุ่มคลัสเตอร์ด้วย
7. การรองรับระบบเครือข่ายเสมือนขั้นสูง: หากคุณเคยมีปัญหากับการจัดการระบบเครือข่ายเสมือน Windows Server 2012 จะช่วยตอบโจทย์ทั้งในส่วนของการจัดการแบนด์วิดธ์ของระบบเครือข่ายเสมือน, QOS การรองรับโพรโตคอลมาตรฐานเปิดอย่าง OpenFlow เป็นต้น โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมราคาแพง โดยเป็นระบบการจัดการเสริมที่อยู่ใน Hyper-V นั่นเอง
8. การทำสำเนา Hyper-V: หนึ่งในคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานระบบเสมือนต้องการมากที่สุดคือการกู้คืนระบบ ที่ทำได้ง่าย และใน Windows Server 2012 จะทำให้แนวทางนี้ทำได้สะดวกขึ้น โดยหลังจากที่เลือกดิสก์เสมือนและตำแหน่งที่จะทำซ้ำ สามารถเลือกรูปแบบ, ตั้งเวลาซิงค์หรือการเขียนสำเนาไปยังดิสก์แบบ Local และยังสามารถระบุการตั้งค่า IP ในกรณีการเปลี่ยนผู้ถือครองทรัพยากรในกลุ่มคลัสเตอร์ระหว่างการทำสำเนาอีก ด้วย
9. แอพลิเคชันของเซิร์ฟเวอร์สำหรับ SMB: Windows Server 2012 สนับสนุนการทำงานของธุรกิจขนาดเล็กและสำนักงานสาขาให้สามารถรันเวอร์ ชวลแมชชีนของ Hyper-V และฐานข้อมูลของ SQL จากไฟล์เซิร์ฟเวอร์ทั่วไป โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของระบบจัดเก็บข้อมูล อีกทั้งยังสามารถปกป้อง Hyper-V และดูแลภาระงานของ SQL ด้วยการสร้างกลุ่มคลัสเตอร์สำหรับไฟล์เซิร์ฟเวอร์บนโพรโตคอล SMB ซึ่งใช้งบประมาณต่ำและทำได้ง่าย
10. ระบบโครงสร้างพื้นฐานของเดสก์ทอปเสมือน: ความน่าสนใจอีกอย่างของ Windows Server 2012 คือการช่วยลดความซับซ้อนของการจัดการและค่าใช้จ่ายของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ของ
เดสก์ทอปเสมือนลง โดยการใช้งานในส่วนของ RemoteFX ไม่ต้องพึ่งพาหน่วยประมวลผลกราฟฟิกและช่วยลดแบนด์วิดธ์ลงได้ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับ Windows Server 2008 R2 ซึ่งสามารถการจัดการด้านใช้งานจากจุดเดียวครอบคลุมทุกรูปแบบของการจัดการใช้ งานระบบเดสก์ทอปเสมือน ขณะที่ในส่วนฟอร์แมตของไฟล์สำหรับฮาร์ดดิสก์เสมือนแบบใหม่ (vhdx) ซึ่งมีรูปแบบเดียวกับการแชร์ไฟล์บนระบบเสมือนบนไฟล์เซิร์ฟเวอร์ SMB ทางไมโครซอฟท์กล่าวว่ากำลังพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมในโอกาสต่อไป
ที่มา : http://www.microsoft.com/business
http://arit.rmutsv.ac.th
วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
การติดตั้ง Pfsense
User: admin
Password : pfsense
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เลข Port หลัก ๆ ที่ควรรู้
เพื่อความสะดวกของผู้อ่าน ผมได้รวบรวมเลข Port ที่ควรรู้มาให้ส่วนหนึ่งครับ
พอร์ทหลัก ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ต (พอร์ทพวกนี้ เป็นพอร์ทหลักเลยที่เราจะพิจารณาเปิด/ปิด)
20 FTP (Data)
21 FTP (Command)
22 SSH
23 Telnet
25 SMTP
53 DNS
67 DHCP Server
68 DHCP Client
80 HTTP
115 SFTP
123 NTP
143 IMAP
194 IRC
220 IMAP(V3)
443 HTTPS
465 SMTP SSL
520 RIP
989 FTPS (Data)
990 FTPS (Command)
993 IMAPS
995 POP3S
1194 OpenVPN
1812 RADIUS-Auth
1813 RADIUS-Account
3128 Web caches
8080 Proxy
พอร์ทอื่นๆที่ควรรู้จัก(ในฐานะคนดูแลระบบ)
843 Adobe Flash
5228 Android Market (ถ้ามีคนใช้ Android)
2210 MikroTik Remote
พอร์ทที่เกียวกับ Webhosting - Control panel (คนทำเว็บอาจต้องใช้)
2082 cPanel
2083 cPanel-SSL
2095 cPanel-webmail
2096 cpanel-Webmail-SSL
2222 DirectAdmin
7777 Kloxo SSL
7778 Kloxo
พอร์ทพวกสังคมออนไลน์ (อาจไม่แน่ไม่นอน)
1863 aMSN / MSNเก่า / Windows Live IM และ .NET Messenger Service
4000 QQ
5050 Yahoo IM
5190 ICQ / AOL IM
6891-6901 Windows Live (Files & Voice)
8631 aMSN กล้อง
19294-19295 Google Talk Voice
19302 Google Talk Voice
23399 Skype ปกติ
Gmail ล่าสุดสามารถ ใช้งานกับ E-mail นอกเหนือของตัวเองได้แล้ว
แต่ล่าสุด Google ได้อัปเดตมาแก้ปัญหานี้แล้ว
Gmail รุ่นล่าสุดที่ออกมานี้ เป็นรุ่นที่ 5 แล้ว ซึ่งสิ่งสำคัญของรุ่นนี้คือ Google เปิดให้ใช้ Email จากเจ้าอื่นๆ ทั้งจาก Microsoft เช่น @hotmail, @outlook หรือจากทาง Yahoo รวมทั้ง Email ที่ให้บริการ IMAP หรือ Exchange ที่ใช้กันในองค์กร มาใช้งานผ่านแอพฯ Gmail ได้แล้วในเวอร์ชันนี้
โดยผู้ที่จะใช้ ก็แค่ทำการเพิ่มเมลเข้าไปในแอพฯ ก็จะสามารถจัดการ Email ผ่านทางแอพฯ Gmail ได้แล้ว
อีกทั้งรุ่นนี้ ยังมีการเปลี่ยนหน้าตาไปเป็นแบบ Material Design แล้วด้วยตามแบบฉบับ แอพฯ ของ Google
โดยในตอนนี้ อัปเดตดังกล่าว ยังมีแค่ไฟล์ให้โหลดไปลงเองเท่านั้น คงต้องรอสักพัก อัปเดตดังกล่าวถึงจะออกมาให้อัปเดตได้ในเครื่อง ซึ่งยังไม่แน่ใจได้ว่า Android รุ่นใดที่จะได้ใช้แอพฯ ตัวนี้บ้าง
ที่มา Engadget,ARIP
วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เตือนภัย Internet Banking กับ “ZeuS”
โทรจัน ZeuS ภัยร้ายของ mobile banking
ที่สร้างความเสียหาย มากมายทั่วยุโรป ตอนนี้กลับมาอีกแล้วค่ะ กับโทรจันตัวใหม่ในกลุ่ม internet banking
เมื่อบริษัท CSIS ที่ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางสารสนเทศได้เปิดเผยว่าพบมัลแวร์ในกลุ่ม internet banking ตัวใหม่ ที่มีชื่อว่า “Dyreza”
ซึ่งมันจะมุ่งโจมตีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงค์กิ้งในอเมริกาและแถบประเทศอังกฤษ เช่น Bank of America, Natwest, Citibank, RBS และ Ulster Bank
ปีเตอร์ ครูซ นักวิจัยจาก CSIS บอกว่าโค้ดตัวนี้ถูกสร้างให้มีการทำงานเหมือนกับโทรจัน ZeuS
มันจะเก็บข้อมูลจากเครื่องผู้ใช้อยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็ส่งไปให้แฮคเกอร์ โทรจันตัวนี้กำลังแพร่กระจายออกไปผ่านทางอีเมล์ เมื่อเรากดไฟล์แฝงมัลแวร์ที่มากับอีเมล์มันก็จะส่งสัญญาณกลับไปที่เครื่องของ hacker จากนั้นแฮคเกอร์ก็จะสามารถเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์ของเราได้
แม้มันจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับโทรจัน ZeuS แต่ Dyreza ก็จัดว่าเป็นโทรจันตัวใหม่ในกลุ่มอินเทอร์เน็ตแบงค์กิ้ง
ครูซ เตือนว่า ให้ผู้ใช้ระวังพวกสแปมเมล์เพราะมันเป็นช่องทางแพร่กระจายของโทรจันโดยจะมาในรูปแบบ attachment file ให้อัพเดทโปรแแกรม Flash Player เมื่อเรากดก็จะมันก็จะ install ลงบนเครื่องทันที
ที่มา : net-security.org,mindterra.com
พฤติกรรมการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์
ไมโครซอฟท์ได้มีการสำรวจพฤติกรรมการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ของคนใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบว่าเกินกว่า 50% รู้สึกเป็นภาระจากการได้รับอีเมลและข้อมูลเครือข่ายสังคมออนไลน์มากเกินไป ไมโครซอฟท์จึงพยายามผสานระบบการทำงานของอีเมลหลายบัญชีเข้าด้วยกัน รวมทั้งคิดค้นวิธีการจัดการอีเมลรูปแบบใหม่ ให้ผู้ใช้สามารถรวมกลุ่มอีเมล เช่นที่มีรายชื่อผู้ส่งเดียวกัน หรือแบ่งแยกสแปมเมลให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคจัดการกล่องอีเมลได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“เทคโนโลยีควรจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ใช่สร้างภาระให้เพิ่มมากขึ้น” ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
จากการสำรวจของไมโครซอฟท์พบว่า ผู้ใช้งานฮอตเมลกว่า 60% เป็นกลุ่มผู้ใช้ที่มีอีเมลที่ไม่ได้เปิดอ่านจำนวนมาก และแต่ละบุคคลมีบัญชีอีเมลมากกว่า 3 บัญชี นอกจากนี้ยังมีข้อมูลระบุอีกว่า กว่า 93% จะได้รับอีเมลไม่พึงประสงค์ (Spam) ทุกวัน และมากกว่า 1 ใน 5 ได้รับเกิน 10 ฉบับต่อวัน
“เรารู้ว่าผู้คนทั่วไปไม่ได้จัดระเบียบอีเมลส่วนตัว เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม
และเรารู้ว่าการจัดการกับเมลบ็อกซ์ที่เต็มจนแทบล้นนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อ แค่ไหน ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้พัฒนาคุณสมบัติใหม่ในฮอตเมลเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถลบอีเมลที่ไม่ ต้องการทิ้งไปได้ง่ายขึ้น เพื่อพวกเขาจะได้เอาเวลาไปสนใจอีเมลที่เกี่ยวข้องหรือมีความสำคัญจริงๆ”
บริการวินโดวส์ไลฟ์ใหม่ที่เกิดขึ้นจะช่วยให้ผู้ใช้จัดการบล็อก ลบอีเมลไม่พึงประสงค์ได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถผสานเครือข่ายสังคมเข้ามารวมไว้ใช้งานในหน้าต่างเดียว ไม่ต้องคอยเปิดเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์หลายหน้าพร้อมกัน
ไมโครซอฟท์มองว่าการจัดการเครือข่ายสังคมออนไลน์จากผู้ให้บริการหลาย รายหมายถึงการใช้พลังงานทางสังคมออนไลน์ที่ไม่จำเป็น นับจากนี้ไป การรวบข้อมูลให้อยู่ในแหล่งเดียวน่าจะเป็นทิศทางที่ควรจะเป็น ซึ่งคุณสมบัติหลักที่ Windows Live Messenger นำเสนอคือการรวมเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง facebook, LinkedIn และ My Space ให้เชื่อมโยงกันได้
ผู้ใช้งานอีเมลและเมสเซนเจอร์ในประเทศไทยยังมีอัตราการเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจพบว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้เวลาการใช้งานเมสเซนเจอร์มากกว่า 800 นาทีใน 1 เดือน ขณะเดียวกัน เวลาที่ผู้บริโภคใช้กับเครือข่ายสังคมออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการเติบโตด้านโฆษณาออนไลน์มากขึ้น
นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ออนไลน์มากยิ่งขึ้นแล้ว กระแสการเติบโตของสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยังช่วยให้มีการใช้งานอีเมลและเม สเซนเจอร์เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งทางไมโครซอฟท์มองว่าการที่มีผู้ใช้บริการวินโดวส์ไลฟ์บนแพลตฟอร์มอื่น ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความนิยมการใช้งานวินโดวส์ไลฟ์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ที่มา : ข่าวไอทีล่าสุด
วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557
Microsoft ปลดพนักงาน 18,000 จริงหรือไม่ ?
หลังการปรับเปลื่ยนโครงสร้างครั้ง (ยิ่ง) ใหญ่ของ Microsoft ที่เป็นเหตุให้มีการปลดพนักงานทั้งหมด 18,000 คนออก เพื่อให้บริษัทมีขนาดเล็กลง จะได้ดูแลได้ง่าย ล่าสุด สั่งปลดชุดสุดท้าย 3,000 คนออกแล้ว เป็นอันสิ้นสุดกิจกรรมครั้งนี้
Microsoft ประกาศว่าจะปรับเปลื่ยนโครงสร้างการบริหารภายในใหม่เกือบทั้งหมด
หลังมีพนักงานจำนวนมหาศาล ที่มาจากการเทคโอเวอร์กิจการโนเกีย จนต่อมา ก็เริ่มดูแลไม่ไหว
สุดท้ายทาง Microsoft ที่อยู่ภายใต้การนำของ Satya Nadella ก็ได้ประกาศ สั่งให้เลิกจ้างพนักงานทั้งหมด 18,000 คนออก ด้วยเหตุผลที่ว่า “ต้องการให้มีความคล่องตัวในการจัดการภายในมากขึ้น” จนเป็นข่าวช็อคโลกไปพักใหญ่ โดยรอบแรก 13,000 คน ต่อมาก็ 2,100 คน จนล่าสุด ก็ปลดชุดสุดท้ายไปแล้ว 3,000 คน รวมเป็น 18,100 คน (มีแถมผู้โชคดี ?อีก 100 คน) เป็นอันว่า “สิ้นสุดเสียที” หลังครบยอดที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคิดเป็นราวๆ 14% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 127,000 คน
ทั้งนี้ ยังไม่ได้หมายความว่า Microsoft จะลอยแพพนักงานที่ถูกแจกซองขาวไปอย่างไรเยื้อใยแต่อย่างใด ทางบริษัทเองยังมีการดูแลหลังการเลิกจ้างเป็นอย่างดีเช่น การให้เงินชดเชย เสนองานให้ใหม่ และอื่นๆ เป็นต้น (หวังว่า ตัวเลข 100 คนปริศนา จะไม่เพิ่มอีกนะ)
ที่มา : Techspot, arip.co.th,Microsoft, Satya Nadella
วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557
Group Policy ไม่ทำงาน, ใช้งาน Group policy ไม่ได้ !!!
โดยการใช้คำสั่ง gpupdate /force ไปที่ Run
พิมพ์ cmd --> กด Enter
ที่หน้าต่าง Dos
พิมพ์ cd\
พิมพ์ gpupdate /force กด Enter
ระบบก็จะทำการบังคับให้ Client รับข้อกำหนดต่าง ๆ จาก Group Policy ที่เรากำหนดค่าไว้ คราบ ลองทำดูน่ะครับ
ตามที่ Admin กำหนด ^^
วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557
วิธีตามหามือถือหาย Android
ใครที่ใช้สมาร์ทโฟน บางท่านก็กลัว หรือไม่ก็เคยทำมือถือหายไปแล้ว หรือไม่ก็ถูกขโมยไป จะตามหามือถือที่หายไปได้อย่างไร ? ซึ่งใครใช้ iPhone ก็จะรู้ว่ามีแอพ Find My iPhone ไว้สำหรับตามหามือถือหายไปได้ แต่ถ้าสมาร์ทโฟน Android ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมากหลายขนาดหลายไซด์ หลายยี่ห้อ จะใช้แอพอะไรในการค้นหา ซึ่งวันนี้จะมาดูการใช้แอพและเว็บไซต์ในการตามหามือถือ Android ที่หายไปกัน
รู้หรือไม่? Android ที่เราใช้ ก็สามารถตามหามือถือได้ เช่นเดียวกันกับ Find my iPhone ของ iPhone เลย เพียงแค่แน่นำต้องเปิด Location ไว้ เพื่อให้สามารถตามหามือถือบนพิกัดล่าสุดได้
เมื่อเกิดเหตุการณ์มือถือ Android หายไป หรือเผลอลืมมือถือ Android ไว้ ต้องการตามหาว่าอยู่ที่ไหน ? ก็ หาคอมพิวเตอร์ หรือแท็ปเล็ต
เปิดเว็บไซต์ https://www.google.com/android/devicemanager
แล้ว sign in ด้วยบัญชี google account (บัญชี gmail) ที่คุณใช้กับมือถือเครื่องที่ต้องการตามหา
เมื่อ login แล้ว ก็จะเห็นแผนที่เลย ว่า มือถือที่ตามหา อยู่ตรงไหนในขณะนั้น หรือครั้งสุดท้ายที่อุปกรณ์ของคุณอยู่ก่อนปิดเครื่อง แสดงไว้บนแผนที่
ทั้งนี้สามารถสามารถกดปุ่ม Ring ให้มือถือส่งเสียงออกมา…
กด Lock แล้วตั้งรหัสผ่านใหม่ เพื่อล็อคเครื่องที่ตามหาอยู่ ไม่ให้คนอื่นเข้าใช้งานได้ จะเข้าได้ ต้องใส่รหัสใหม่ที่เราเพิ่งตั้งไว้ให้ถูกต้องเท่านั้น
นอกจากนี้ Android Device Manager ยังสามารถสามารถพิมพ์ข้อความลงในช่อง Recovery Message เพื่อให้ข้อความนั้นๆ ปรากฏบนหน้าจอมือถือของคุณ เมื่อมีคนพบ จะได้นำมาส่งคืนเจ้าของได้ ถ้าเค้าไม่ได้คิดขโมย เช่นพิมพ์บอกว่า
“หากเก็บได้ กรุณาส่งคืนที่ไหน ติดต่อใคร จะมีรางวัลให้”
Android Device Manager สามารถใช้ตามหามือถือระบบปฏิบัติการ Android ได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ใช้ได้ทั้งเว็บไซต์
และแอพพลิเคชั่น โดยแอพ Android Device Manager ดาวน์โหลดฟรี บน Google Play และในกรณีมือถือ Android หาย สามารถใช้อุปกรณ์ iOS คุณมี เปิด safari เข้าเว็บไซต์ Android Device Manager (android.com/devicemanager) ผ่านทางเว็บบราวเซอร์บนมือถือ หรือแท็บเล็ตได้
ทั้งนี้คุณสามารถตั้งค่าให้มือถือของคุณรองรับการลบข้อมูลบนมือถือ Android ผ่านทาง คำสั่งระยะไกลได้ด้วย เผื่อในกรณีมือถืออยู่ที่โจรขโมย แล้วมีข้อมูลสำคัญบนมือถือ คุณก็สามารถตัดสินใจสั่งให้มือถือลบข้อมูลทั้งหมด และทำการ Factory Reset ใหม่ ผ่านทาง Android Device Manager ได้ เพื่อไม่ให้ข้อมูลบนมือถือของคุณหลุดไป
โดยตั้งค่ามือถือที่
Apps >> Google Settings >> เลือก Android Device Manager >> แล้วติ๊กถูกที่ Allow Remote Lock and Erase
ในกรณีมือถือหาย สามารถสั่งลบได้โดย เข้า Android Device Manager ทางเว็บไซต์ หรือทางแอพบน Android >> จากนั้น ทำการ sign in ด้วย google account แล้วเลือกมือถือที่หายไป แล้วคลิกที่ ลบ >> ก็จะถามคุณว่าคุณต้องการลบจริงหรือไม่ ก็ตอบลบ เพื่อทำการสั่งมือถือที่หายไปนั้นทำการ ลบข้อมูลและ factory reset เริ่มต้นใหม่ ทั้งนี้มือถือที่หายจะดำเนินการลบเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
ทั้งนี้ Android Device Manager ได้เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบเว็บไซต์ เมื่อเดือน สิงหาคม 2013 ก่อนที่จะมาในรูปแบบ
แอปพลิเคชั่น และเพิ่มฟีเจอร์ส่งข้อความเตือนผู้ที่พบ Android และมีลุ้นว่า Google ยังพัฒนาเพิ่มฟีเจอร์ใหม่บน Android Device Manager อย่างต่อเนื่อง
ที่มา : it24hrs.com
Baidu PC Faster คืออะไร ???
ข่าวเตือนภัย ICT
Baidu PC Faster สุดยอดนักฆ่าในคราบนักบุญคิดว่าหลาย ๆ ท่านคงได้ยินและได้เห็นโปรแกรมตัวหนึ่งที่แพร่ระบาดเข้ามาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คของใครหลาย ๆ คนไม่ว่าจะโดยความตั้งใจของเจ้าของเครื่องเองหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งโปรแกรมนั้นมีนามว่า Baidu PC Faster Baidu PC Faster คือนามกรของโปรแกรมตัวนี้พร้อมคำโฆษณาชวนเชื่อว่ามันจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านรวดเร็วขึ้น ซึ่งโปรแกรมนี้เคยได้รับการโฆษณาชวนเชื่อจากรายการ “แบไต๋ไฮเทค” ด้วยจึงทำให้มีคนบางส่วนหามาติดตั้งกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ที่หลาย ๆ ท่านชอบใช้บริการ เมื่อเครื่องของท่านนำไปรับการติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดว์จากทางร้านก็มักจะพบโปรแกรมนี้ติดมา รวมถึงการติดตั้งโปรแกรมฟรี ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเตอร์เน็ตก็จะมีโปรแกรมนี้แอบแฝงมาให้ติดตั้งด้วย จริง ๆ แล้วโปรแกรมนี้ดีจริงหรือเปล่า? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นหลังจากติดตั้งลงไป? มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
Baidu คืออะไร? Baidu เป็นเว็บเซอร์วิซ (web service) สัญชาติจีน หรือพูดกันให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเป็น google ของจีนนั่นเอง เป็น Search Engine อันดับหนึ่งของประเทศจีนเลยก็ว่าได้เว็บ
Baidu โดยมีบริการมากมายหลายอย่างอาทิ Baidu map , Baidu Know ฯลฯ เป็นต้น Baidu PC Faster
คืออะไร Baidu PC Faster คือซอฟท์แวร์ที่ทำหน้าที่เร่งความเร็วการบูทเครื่อง โดยมันจะมีคำแนะนำมาให้เราปิด Services ที่เราไม่ค่อยได้ใช้หรือ “ไม่จำเป็นที่จะต้องบูทขึ้นมา” ซี่งในทางทฤษฎีแล้วการที่เครื่องไม่ต้องโหลด Services จำนวนมากมันก็จะทำให้เครื่องนั้นบูสตัวเองเข้าสู่ภาวะพร้อมใช้งานได้เร็วขึ้นจากปกติที่ต้องใช้เวลาซัก 3 นาทีก็อาจจะเหลือแค่ 1 นาทีแบบนี้เป็นต้นแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากมีการทดสอบการใช้งาน
พบว่า 1. ปิด service มั่ว ทำให้ระบบสำคัญๆของ windows พัง
2. ปิด startup มั่ว ทำให้โปรแกรมทำงานไม่สมบูรณ์
3. แก้ไขการตั้งค่ามั่ว ทั้งใน registry และอื่นๆ ยากต่อการแก้ไข
4. แก้ไขหน้า homepage browser ทั้งหมดเป็น Hao123
5. โหลดไฟล์ที่เป็นไวรัสลงเครื่อง
6. ทำการแสกนไฟล์อยู่ตลอดเวลาทำให้เครื่องทำงานช้าลง
7. แจ้งไฟล์สำคัญบางไฟล์ว่าเป็นไวรัสและทำการลบออกส่งผลให้ระบบโดยรวมรวนไปหมด เช่น ระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติของ USB ส่งผลให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ USB เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด หรือ แฟลชไดร์ฟไม่ได้
นอกจากนี้ในชุดของ Baidu ยังมีของก่อความน่ารำคาญติดตามมาอีกก็คือ Hao123 และ PC App store ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของเครื่องแม้จะไม่มากเท่า PC Faster แต่ก็ไม่เหมาะที่จะติดตั้งเอาไว้ ซึ่งถ้าหากพบว่าเครื่องของท่านติดโปรแกรม Baidu PC Faster ก็ให้ทำการถอดถอนการติดตั้งโดยสามารถอดถอนการติดตั้งโดยใช้ด้วย Control Panel ธรรมดา หรือ โดยใช้โปรแกรมช่วยถอดถอนก็ได้ โดยในที่นี้ผมจะสอนแค่การถอดถอนด้วย Control Panel ธรรมดานะครับ
วิธีถอดถอนการติดตั้ง Baidu PC Faster ด้วย Control Panel ภายในวินโดว์
1. ไปที่ Start -> Control Panel -> Add or remove program (สำหรับ XP) หรือ program and Features(สำหรับวินโดว์ 7)
2. เลือกโปรแกรมที่ต้องการ กด Remove/Uninstall ในที่นี้ให้เรามองหา Baidu PC Faster ที่อยู่ในลิสรายชื่อซอฟแวร์ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องของเรา
3. เมื่อเลือกแล้วจะปรากฏหน้าต่างเมนูดังภาพ
ทำตามลำดับ เลือกไปที่ I want to uninstall PC Faster จากนั้นเลือกไปที่ Uninstall และตามด้วย OK จากนั้นก็รอ เมื่อถอนเสร็จก็สั่ง Restart ครั้งก็เป็นอันเสร็จครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุก ๆ ท่านที่ได้อ่านบทความนี้พึงระวังเอาไว้ถึงภัยคุกคามที่แฝงมาในรูปแบบของโปรแกรมฟรีลักษณะเช่นนั้นเพราะ แม้มันจะไม่ใช่ไวรัสแต่การที่มันเข้าไปยุ่งกับ System หรือ Registy มาก ๆ ก็ส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรามีปัญหาได้เหมือนกัน ทั้งนี้เราต้องหมั่นสังเกตว่าเครื่องของเรามีโปรแกรมอะไรแปลกๆ เพิ่มขึ้นมาบ้างโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจติดตั้งลงไปหรือเปล่า ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาพวกนี้ได้ในระดับหนึ่ง
ที่มา : pantip.com, http://www.ict.rmutt.ac.th/
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ข้อตกลงร่วมมือกันทางด้านกลยุทธ์ Seagate & Baidu
Seagate และ Baidu ได้เซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมมือกันทางด้านกลยุทธ์
เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมานั้นทาง Seagate ได้ประกาศออกมาครับว่าทางบริษัทได้ทำการเซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมมือทางด้านกลยุทธ์กับ Baidu ผู้ให้บริการหลากหลายบริการจากจีน โดยข้อตกลงนี้นั้นเกี่ยวกับแหล่งเก็บข้อมูลออนไลน์ราคาถูก, การจัดเก็บข้อมูล และก็การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ครับ ในข้อตกลงนั้นทาง Baidu จะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ของทาง Seagate เพื่อนำมาใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของทาง Baidu และสิ่งทำนวยความสะดวกในการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมด ส่วนทาง Seagate นั้นก็จะให้ความสำคัญกับ Baidu เป็นลูกค้าเชิงกลยุทธ์ เมื่อทาง Seagate มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลขององค์กรก็จะให้ความสำคัญกับ Baidu เป็นบริษัทแรก รวมไปถึงจะมีหน่วยบำรุงรักษาไปดูแลอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลให้กับทาง Baidu ด้วยครับ
ในข้อตกลงนั้นยังได้ระบุถึงความร่วมมือสำหรับงานวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Cold Storage, Big Data analysis และ Shingled Magnetic Recording (SMR) ซึ่งเทคโนโลยีที่กล่าวมานี้ทั้งหมดจะช่วยให้ Baidu สามารถจัดการกับข้อมูลต่างๆ ที่บริษัทต้องเจออยู่ทุกวัน ทั้งนี้การให้บริการด้านข้อมูลของทาง Baidu นั้นมีผู้ใช้บริการมากถึงพันล้านคนต่อวัน และมีการใช้งานข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น เว็บเพจ, ภาพ, เอกสาร, ไฟล์วีดีโอ หรือไฟล์เสียง ซึ่งข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกันครับ ในอนาคตไม่แน่ว่า Baidu อาจจะก้าวเข้ามาทัดเทียมกับ Google ก็เป็นได้ครับ
หมายเหตุ – Cold Storage คือข้อมูลที่มีการเข้าถึงไม่ถี่มาก อาจจะเป็นการจัดเก็บไว้เฉยๆ แต่ข้อมูลนั้นจะต้องอยู่บนแพลตฟอร์ม Cloud Computing ตัวอย่างเช่น log การค้นหาของระบบ Baidu search engine เป็นต้นครับ, Big Data analysis คือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมากเพื่อที่จะหาข้อมูลที่มีประโยชน์จริงๆและรูปแบบของข้อมูลนั้น, Shingled Magnetic Recording (SMR) คือ เทคโนโลยีที่อนุญาตให้ข้อมูลสามารถที่จะอยู่ใกล้ชิดกันให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะทำการเพิ่มปริมาณความจุของข้อมูลในส่วนที่เหลือ
ที่มา : techpowerup
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ติดตั้ง Pfsense Step Geek
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเขียนเรื่อง จะขอแนะนำการติดตั้ง pfSense ครับ ก่อนอื่นผมขออธิบายก่อนน่ะครับว่า pfSense คืออะไร "PFSENSE คือระบบFireWall สำเร็จรูปชนิดหนึ่งก็ว่าได้แต่ Pfsense นั้นมีระบบที่อยากแนะนำคือ Load Balance คือการนำ Internet มากกว่า 2 เส้น มาใช้งานร่วมกัน คือ Internet แต่ระเส้นจะทำหน้าที่ของมันเช่น มีการใช้ Internet 2 line มีความเร็ว Line ที่1 15Mbps และ Line ที่2 10Mbps Pfsense จะนำInternet 2 เส้นมารวมกัน เป็น 25Mbps เป็นต้น PFsense จะทำการกระจายโหลด แต่ระ Line ให้เท่ากันเหมือนกับเรามีท่อส่งน้ำ 2 ท่อจาก 1 ท่อนั้นเอง จึงทำให้เราสามารถ รับ ส่งข้อมูล ต่างๆได้เร็วขึ้น แถมยังมีการ ตรวจสอบการทำงานของInternet ว่าLine ไหนใช้งานไม่ได้ หากเกิดInternet ล่ม ไป 1 Line Pfsense ก็จะทำการสลับ ไปยังLine ที่สามารถใช้งานได้ปกติ หรือ ดีที่สุดให้แทน ถึง Pfsense จะเป็นระบบ Firewall ที่เก่า แต่คุณภาพไม่ได้เก่าตามตัวเลยทีเดียว
โดย PFsense ตั่งแต่ที่เราทดสอบมา ยังไม่เคยเจอPfsense ล่ม เลย ยกเว้น กรณี Hardware เสียหรือไหม้เป็นส่วนมาก เรียกว่า 365*365 วันกันเลยก็ว่าได้.." และมีหลากหลาย feature มากมายครับ เราสามารถติดตั้ง package เพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น ทำ hotspot ,billing , proxy,log ,vpn ,captive portal,radius, .. pfSense พัฒนามาจาก BSD สำหรับบางท่านที่ไม่คุ้นเคยกับ BSD คงคิดว่าคงจะยากที่จะทำความเข้าใจกับ BSD ถ้าคุณคิดอย่างนั้นผมขอให้คุณโยนความคิดนั้นทิ้งไปซ่ะ เพราะเราแทบไม่ต้องใช้ command กับมันเลยยกเว้นกรณีที่จำเป็นจริงๆ เพราะเราสามารถเข้าไปแก้ไขได้ทั้งหมดผ่านทาง web browser เพียงแค่เราคลิกๆแค่นั้นครับ เอาล่ะครับแค่นี้แหละคร่าวๆ วันนี้ผมขอสอน อย่าว่าสอนดีกว่าขอแนะนำดีกว่า เน๊าะ
วันนี้ผมจะขอแนะนำการติดตั้ง Pfsense 2.1.4 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดในตลอดนี้น่ะครับ เอาล่ะเรามามากันเลยดูตามวิดีโอตามด้านล่างเลยน่ะครับ
หากดูไม่เข้าก็คอมเม้นมาได้เลยน่ะครับ ยินดีตอบคำถามทุกคำถามครับ