วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

WINDOWS MOBILE CE Connect SQL SERVER 2008

Imports System.Data
Imports System
Imports System.Data.SqlClient
Imports System.Windows.Forms.DateTimePicker
Imports System.Windows.Forms


'####### FOR MOBILE #########
Public Class Form1
    Private Sub Form1_Load(ByVal sender As System.Object, ByVal e As System.EventArgs) Handles MyBase.Load
        Dim ds As New DataSet()
        dbCon.Open()

        Dim sql As String
        sql = "SELECT * FROM LOGIN"
        Dim command As New SqlCommand(sql, dbCon)
        dbAdapter.SelectCommand = command
        dbAdapter.Fill(ds)
        dbAdapter.Dispose()
        command.Dispose()

        DataGrid2.DataSource = ds.Tables(0)     '' ใส่ค่าใน GridView1  
        dbCon.Close()

        Console.WriteLine("State: {0}", dbCon.State)
        Console.WriteLine("ConnectionString: {0}", _
        dbCon.ConnectionString)
    End Sub

    Private Sub Button1_Click(ByVal sender As System.Object, ByVal e As System.EventArgs) Handles Button1.Click
        Dim sql As String
        Dim rs As SqlDataReader                 'การอ่านค่าจาก DataBase
        sql = "SELECT * FROM LOGIN"
        rs = ExcuteReader(sql)
        While rs.Read
            MsgBox("Get data" & rs.Item("id"))
        End While
        rs.Close()
    End Sub
End Class


### Module1

Imports System.Data.SqlClient
Imports System.Data.SqlClient.SqlCommand
Imports System.Data.SqlClient.SqlConnection
Imports System.Data.SqlClient.SqlDataAdapter
Imports System.Data.SqlClient.SqlDataReader
Imports System.Data
Imports System

Module Module1
    Public sStrng As String = "Data Source=192.168.101.3\SQLExpress;Initial Catalog=TEST;" _
        & "User ID=sa;" _
        & "Password=seiwa@1234;" _
        & "Persist Security Info=True;"


    Public scmd As SqlCommand
    Public dbCon As New SqlConnection(sStrng)                          'MySqlConnection(sstring)   
    Public dbCmd As New SqlCommand
    Public dbAdapter As New SqlDataAdapter

    Sub OpenDB()
        If dbCon.State = ConnectionState.Closed Then   ' ถ้า Cloas ให้เปิด
            Try
                dbCon.Open()
                'MsgBox("สามารถติดต่อฐานข้อมูล")
            Catch ex As Exception
                MsgBox("ไม่สามารถติดต่อฐานข้อมูล")
            End Try
        End If
    End Sub

    ''' <summary>
    ''' ####### ins_upd_del #######
    ''' </summary>
    ''' <returns></returns>
    ''' <remadsd></remadsd>
    Public Function ExcSQL(ByVal ins_upd_del As String) As Boolean
        Try
            OpenDB()
            scmd = New SqlCommand(ins_upd_del, dbCon)
            scmd.ExecuteNonQuery()
            scmd.Dispose()
            Return True
        Catch ex As Exception
            Return False
        End Try
    End Function

    ''' <summary>
    ''' #######  ExcuteReader   #######
    ''' </summary>
    ''' <returns></returns>
    ''' <remarks></remarks>
    Public Function ExcuteReader(ByVal sTr As String) As SqlDataReader
        If Not dbCon.State = ConnectionState.Open Then
            dbCon.Open()
        End If
        dbCmd = New SqlCommand(sTr, dbCon)
        ExcuteReader = dbCmd.ExecuteReader

    End Function
End Module



วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

connection Sql server

If your system has the Windows Firewall 
configured, it must be configured to allow the remote connection to 
communicate with the SQL Server executable. Follow the steps given below
 to ensure connectivity through the firewall.
1. Start the Control Panel on the computer running SQL Server 2005.
2. Double Click on Windows Firewall.
3. Click on the Exceptions tab.
4. Click on the Add Program button.
5.
 Add the path of sqlsrvr.exe. By default the sqlsrvr.exe is installed at
 <Drive>\Program Files\Microsoft SQL 
Server\MSSQL.1\MSSQL\Binn\sqlservr.exe 
 
private void SelectEmployee()
        {
            try
            {
                DataTable data = null;
                using (SqlConnection connection = new SqlConnection(connectionstring))
                {
                    if (connection.State != ConnectionState.Open)
                    {
                        connection.Open();
                    }

                    using (SqlCommand cmdSelect = connection.CreateCommand())
                    {
                        cmdSelect.CommandText = "SELECT * FROM Employee;";
                        cmdSelect.CommandType = CommandType.Text;
                        data = new DataTable();
                        using (SqlDataReader reader = cmdSelect.ExecuteReader())
                        {
                            if (reader.Read())
                            {
                                data.Load(reader);
                            }
                        }
                    }
                }
                if (data!=null)
                {
                    this.datagrdviewEmp.DataSource = data;
                }
               
            }
            catch (Exception ex)
            {

                throw ex;
            }
        }

string connectionstring = @"Server=Server IP/Name;Database=Your DB; Uid=user id; pwd=your sql passwrod;";
 
http://highoncoding.com/Articles/551_How_to_Access_SQL_Server_2005_from_the_Windows_Mobile_Devices.aspx 

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

http://www.thaicreate.com/dotnet/dotnet-smartdevice-smartphone-pocket-pc-windows-ce.html

crack vb 2008

จากการลงโปรแกรมแบบปกติ จะสามารถใช้งานได้แค่ 90 วัน
ท่านทีมีแผ่นโปรแกรมอยู่แล้ว ก่อนจะติดตั้งให้เข้าไปใน Folder ที่มีชื่อว่า Setup
และมองหาไฟล์ setup.sdb และทำการเปิดไฟล์ด้วยโปรแกรม Text Editor ต่างๆ
ในที่นี้ได้ใช้โปรแกรม Notepad ที่ติดมากับวินโดว์
ให้มองหาบรรทัดที่เขียนว่า [Product Key] แนะนำให้ใช้ Ctrl+F ในการค้นหา
เมื่อเจอให้ทำการเปลี่ยน key จาก key เดิมเป็น

PYHYPWXB3BB2CCMV9DX9VDY8T
จากนั้นทำการเซพและทำการติดตั้งตามปกติ


 ก็จะสามารถใช้โปรแกรมได้แบบไม่มีหมดอายุ

หากท่านใดไม่เข้าใจในขั้นตอนก็สามารถโหลด ไฟล์ setup.sdb 
จากที่นี่ไปทับตัวเดิม ใน Folder Setup ได้ครับ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คุณสมบัติและหน้าที่การทำงานที่มีการปรับปรุงใหม่ของ Active Directory Domain Service บน Windows Server 2012R2

002-ad-users-and-computers-clone-a-Windows-Server-2012-Domain-Controller

คุณสมบัติและหน้าที่การทำงานที่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้ดีขึ้น ของ Windows server 2012 R2 จาก Windows เวอร์ชั่นก่อนดังนี้

IMPROVED VIRTUALIZATION SUPPORT
            ปรับปรุงความสามารถในการสร้าง โดเมนคอนโทรลเลอร์ด้วยการใช้ Virtual Machine Templates ได้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของไมโครซอฟต์และใน ขณะเดียวกัน ไมโครซอฟต์ ได้มีการเพิ่มเติม ฟังก์ชั่นการป้องกันไว้ใน AD DS  ที่จะช่วยปกป้องความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากการกระทำ หรือจากการเปลี่ยนแปลงแก้ไขต่าง ๆ  ให้กับ โดเมนคอนโทรลเลอร์ โดยวิธีการป้องกันความผิดพลาดที่เรียกว่า  Virtual Machine Snapshot.

BETTER FINE-GRAINED PASSWORD POLICY CONTROL AND RECYCLE BIN INTERFACES
        ไมโครซอฟต์  มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการใหม่ของ Fine-Grained Password Policy Control และ AD  Recycle Bin ที่ง่ายขึ้นมาให้กับผู้ที่ทำหน้าที่บริหารระบบ โดยการใช้เครื่องมือ Active Directory Adminnistrative Center (ADAC) ที่เป็น GUI   ซึ่งต่างจาก Windows Server 2008R2   
ต้องใช้  ADSI  Edit  ซึ่งเป็น Cmdlet ในการจัดการ ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ACTIVE DIRECTORY FEDERATION SERVICES (AD FS) IMPROVEMENTS
         AD FS  2.1 และ 3.0 (Windows server 2012 R2) ถูกรวมรวมและใช้เป็นพื้นฐานหลัก (Native) 
ไว้ใน  Windows server 2012 R2   ซึ่งมีการสนับสนุน  Enterprise Applications ให้กับ Host ที่ทำหน้าที่เป็น  Cloud ให้กับเครือข่ายเน็ตเวิร์ก และมีการปรับปรุงแก้ไข และสนับสนุนการใช้งานของเว็บ
 ที่เป็นแบบ Single Sign-On (SSO)  ให้กับ แอพพลิเคชั่นขององค์กรและแพล็ตฟอร์ม
 ที่แตกต่างกันได้

ENHANCED POWERSHELL SUPPORT
          Windows server 2012 R2 จะใช้ Windows PowerShell 3.0  ส่วน  Windows server 2012 R2
จะใช้  Windows PowerShell 4.0   ที่มีการปรับปรุงและออกแบบ PowerShell Commandlets (cmdlet) เพิ่มเติม ที่ใหม่ขึ้น  พร้อมทั้งมีการติดตั้งการใช้งานคำสั่งต่าง ๆ ทั้งหมดมาให้   พร้อมเสร็จบนโฮสต์ที่มีการรัน Windows Servers 2012R2  หรือ Windows Servers 2012R2   AD  DS  เพื่อให้สามารถใช้คำสั่ง
ที่เป็น คอมมานด์ไลน์ (Command Lind) ในการจัดการให้กับระบบ ที่เป็นไปโดยอัตโนมัติได้เกือบทั้งหมด
         ตัวอย่าง เช่น :
         - การจัดการเกี่ยวกับ เน็ตเวิร์ก เช่น Storage, Clustering, RDS, DHCP, DNS, File Servers,
 Print, SMI-S และอื่น ๆ อีกมากมาย

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การสร้าง ODBC เอาไว้ใช้งาน

สวัสดีครับเจอกันอีกครั้งน่ะครับ วันนี้ทาง   IT-KORAT  ขอนำเสนอ การสร้าง ODBC เอาไว้ใช้งาน ในโปรเจคของเราน่ะครับ  ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับ ODBC ก่อนน่ะครับว่า คืออะไร

“ODBC คืออะไร

           Open Database Connectivity (ODBC) เป็นมาตรฐาน หรืออินเตอร์เฟซของโปรแกรมประยุกต์แบบเปิด (Open Application Programming Interface) สำหรับการเข้าถึงฐานข้อมูล โดยการใช้คำสั่ง ODBC ในโปรแกรมมาจะทำให้สามารถเข้าฐานข้อมูลที่แตกต่างกัน รวมถึง Access, Dbase, DB2, Excel และ text โดยการเพิ่มซอฟต์แวร์ ODBC ในแต่ละโมดูล หรือ Driver เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลที่ต้องการ ซึ่ง Microsoft เป็นผู้สนับสนุนหลักของโปรแกรม ODBC 
ODBC มีพื้นฐานและการจัดตำแหน่งใกล้เคียงกับ Open Group มาตรฐานของภาษา SQL ซึ่ง ODBC เป็นระบบอินเตอร์เฟซ โดยการใช้โปรแกรมนี่จะทำให้สามารถใช้คำสั่ง SQL เข้าถึงมาตรฐานข้อมูลโดยไม่จำเป็นต้องรู้จักคุณสมบัติการอินเตอร์เฟซของฐานข้อมูล ODBC จะรับรู้ภาษา SQL และแปลงเป็นคำสั่งของฐานข้อมูลแต่ละระบบ

ODBC ได้รับการสร้างขึ้นโดย SQL Access Group โดยมีการนำเสนอครั้งแรกในเดือนกันยายน, 1992 ในปัจจุบัน ODBC มีเวอร์ชันที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows, UNIX, OS/2 และ Macintosh ในสถาปัตยกรรมแบบ distributed Object ที่เรียกว่า Common Object Requset Broker Architecture มีโปรแกรมที่เรียกว่า President Object Service (POS) เป็นกลุ่มระดับสูงของระดับอินเตอร์เฟซและ ODBC เมื่อมีการใช้โปรแกรมในภาษา JAVA และใช้โปรแกรมประยุกต์ JAVA Database Connectivity ในการอินเตอร์เฟซ ซึ่งรวมถึง JDBC- ODBC คือโปรแกรมเชื่อม เพื่อเข้าถึง ODBC ”

เอาล่ะครับเราคงพอเข้าใจกันแล้วน่ะครับว่า ODBC คืออะไร ทีนี้เรามาเริ่มกันเลยครับ

ก่อนอื่นเรา ต้องเปิด Control Panel ก่อน  เข้าไปที่  Administrative  tools - > Data Source(ODBC) 



จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมา ให้กด ADD-> เลือกตามลูกศรแล้วกด Finish


จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมา ก็ให้ใส่ข้อมูลตามรูป ครับ

Data Source Name:  เรากำหนดเองครับชื่อไรก็ได้
TCP/IP SERVER: อันนี้ในตัวอย่างผม ใช้ในเครื่องทำ DB ผมใช้ Xampp ครับ
User: ชื่อผู้ใช้งาน
Password: รหัสผ่าน
Database: ชื่อฐานข้อมูล



จากนั้นคลิกปุ่ม OK แค่นี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
          หากดูแล้ว งง ๆ ก็คอมเม้นมาได้เลยครับยินดีตอบครับ วันนี้ผมขอจบบทความเพียงเท่านี้ก่อน ไว้พรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องการ Connect DB ครับ ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ

Credit by: Krumkroo.com

Visual Basic Tutorial ตอนที่ 2 การสร้าง Project และการเชื่อมต่อ Database

            สวัสดีครับ เจอกันอีกครั้งน่ะครับกับ  Development Kids กลับมาคราวนี้ ผมขอเสนอ  Visual Basic Tutorial ตอนที่ 2 การสร้าง Project และการเชื่อมต่อ Database  ก่อนอื่น ผมขออธิบายกันแบบคร่าวๆเกี่ยวกับรูปแบบการเชื่อมต่อกับ ฐานข้อมูล ก่อนน่ะครับว่ามีรูปแบบยังไงบ้าง

รูปแบบการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล ประกอบด้วย

1. ODBC  อันนี้ผมได้อธิบายไปแล้วในบทความ การสร้าง ODBC  ครับสามารถกลับไปอ่านได้ในบทความที่ผ่านมาได้ครับ

2. OLEDB อันนี้เอาตามความเข้าใจของผมเลยน่ะครับ OLEDB นี้เอาไว้เชื่อมต่อกับพวกฐานข้อมูลจำพวก Access Excel   Oracle MySql  เป็นต้น ครับ

3. SQL ส่วนอันนี้คงไม่ต้องอธิบายมากครับชื่อก็อบอกอยู่แล้วว่า SQL อันนี้ไว้เชื่อมต่อ พวก SQL MySQL  เป็นต้นครับ

ทีนี้เรามาพูดถึง ส่วนของ Provider กัน  Provider นี้จะเป็นรูปแบบของชุดการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล ซึ่งแต่ล่ะตัวจะมีการเรียกใช้งานแบบเฉพาะของใครของมัน ซึ่งก็มีดังต่อไปนี้ครับ

Connection สำหรับไว้ Connect Database แบบต่าง ๆ ที่ใช้งานบ่อย ๆ ผมจะแบ่ง Group น่ะครับตามข้างล่างเลย

ODBC
strConnString=”DNS=ODBC;UID=User;PWD=Password;”

OLEDB
' Oracle
strConnString = "Data Source=TCDB;User Id=myuser;Password=mypassword;" 

' Access 2007
strConnString  = "Provider=Microsoft.ACE.OLEDB.12.0;Data Source=C:\Database1.accdb;"

'Access 2003
strConnString = "Provider= Microsoft.Jet.OLEDB.4.0;Data Source=C:\Database1.mdb;"

SQL

' MS SQL Server
'1)
strConnString = "Data Source=.\SQLExpress;Initial Catalog=myDatabase;Integrated Security=True" 
'2)
strConnString = "Data Source=ATHLON2500;Initial Catalog=HirePurchase;User ID=vs2005;Password=1234"

' Mysql

strConnString = "Database=myDatabase;Data Source=localhost;User Id=root;Password=mypassword" 

รูปการ Connect ที่หลักที่ผมใช้ก็มีแค่นี้เองครับ เอาล่ะครับทีนี้เรามาเริ่มการ  การสร้าง Project กันเลยดีกว่า
ก่อนอื่นเราต้องเปิด Visual Studio 2008 ข้นมาก่อนน่ะครับ
เสร็จแล้วไปที่   File -> New -> Project 
 จากนั้นจะมีหน้าต่างโผล่ขึ้นมา




เสร็จแล้วให้เราทำการ ตั้งชื่อ Project ในตัวอย่างผมตั้งชื่อว่า Training น่ะครับ หากต้องการจัดเก็บ Project ไว้ที่ Direct อื่นให้เรากด ที่ Browse จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราเลือกที่จะเก็บที่ไหน ในตัวอย่างผมเก็บที่    D:\Training\VB
จากนั้นคลิก OK


เราก็จะได้ Form1 ขึ้นมาตามรูปครับ



ถ้าหากเราไม่ชอบชื่อ Form1 เราก็สามารถเปลื่อนชื่อได้ครับโดยการ คลิกขวาที่ Form1 แล้วเลือก Rename



จากนั้นจะมีหน้าต่างยืนยันก็ให้เรากด Yes ครับ



จากนั้นทำการเปลี่ยนชื่อ Form ตรง Tab Properties ตรง Text ให้เป็นชื่อที่เราต้องการครับ



จากนั้นลองกด Run ดู



ก็จะได้หน้าต่าง Form ที่เราตั้งชื่อใหม่ครับ แต่ในตัวอย่างผมไม่ได้เปลี่ยนชื่อน่ะ ฮ่ะๆ

           เอาละครับเป็นอันเสร็จการสร้าง Project ต่อไปเราจะมาทำ การติดต่อ ฐานข้อมูล กันเอาล่ะเรามาเริ่มกัน  ก่อนอื่นเราต้องมี ฐานข้อมูลก่อนน่ะครับในตัวอย่างผมใช้ MySql ที่รันบน XAMPP น่ะครับ



เมื่อเราได้ ฐานข้อมูลแล้วเราก็มาสร้าง Module กัน
คลิกขวาที่  Project -> ADD -> Module



จากนั้นจะมี หน้าต่างขึ้นมา ให้เราตั้งชื่อใหม่ ในตัวอย่าง ผมตั้งว่า ModuleMain ครับจากนั้นกด ADD



เราก็จะได้ Module ขึ้นมา ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเขียน Module กันเลย
คลิกขวาที่ Module -> View Code ก็จะได้ส่วนของ Source Code ของ Module ขึ้นมาจากนั้นให้เราพิมพ์ Code ลงไปดังต่อไปนี้






Imports System.Data 
Imports System.Data.Odbc      'ใครเลือก OLEDB ก็ให้ใส่ OLEDB น่ะ
Module ModuleMain
    'กำหนด DSN sSQL ที่เราสร้างขึ้นมาน่ะครับ
    Dim conString As String = "DSN=sSQl;UID=root;PWD=root"
    Public Conn As New OdbcConnection(conString)
    Public Cmd As New OdbcCommand
    Public rs As OdbcDataReader

    Sub OpenDB()
        'ทำการ Open Connect
        Conn.Open()
        'ทำการตรวจสอบว่าทำการเชื่อมต่อได้หรือไม่
        If ConnectionState.Open = ConnectionState.Open Then
            'ถ้าเชื่อมต่อได้ให้แสดง ข้อความ  "เชื่อมต่อฐานข้อมูลได้แล้ว"
            MsgBox("เชื่อมต่อฐานข้อมูลได้แล้ว")
        End If
    End Sub

End Module


ในตัวอย่างผมเลือกใช้  ODBC  น่ะครับ จากนั้นลองรันดูก็จะได้ตามรูปข้างล่างนี้



หากใครไม่ได้ตามนี้แสดงว่าเขียนผิดน่ะครับฮ่าๆ กลับไปดู Code ใหม่เลย

แค่นี้ก็จบแล้วครับขั้นตอนการสร้าง Project และการเชื่อมต่อ DB ใน Visual Studio .Net หากท่านใดทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจตรงไหน สามารถ คอมเม้นมาได้เลยครับ ยินดีตอบครับ ก่อนจากกันต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและติดตาม Blog และหากผิดพลาดประการใดต้องขอ อภัย ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยมือใหม่หัดเขียนครับ ขอบคุณครับ



Credit by krumkroo