Imports System.Data
Imports System
Imports System.Data.SqlClient
Imports System.Windows.Forms.DateTimePicker
Imports System.Windows.Forms
'####### FOR MOBILE #########
Public Class Form1
Private Sub Form1_Load(ByVal sender As System.Object, ByVal e As System.EventArgs) Handles MyBase.Load
Dim ds As New DataSet()
dbCon.Open()
Dim sql As String
sql = "SELECT * FROM LOGIN"
Dim command As New SqlCommand(sql, dbCon)
dbAdapter.SelectCommand = command
dbAdapter.Fill(ds)
dbAdapter.Dispose()
command.Dispose()
DataGrid2.DataSource = ds.Tables(0) '' ใส่ค่าใน GridView1
dbCon.Close()
Console.WriteLine("State: {0}", dbCon.State)
Console.WriteLine("ConnectionString: {0}", _
dbCon.ConnectionString)
End Sub
Private Sub Button1_Click(ByVal sender As System.Object, ByVal e As System.EventArgs) Handles Button1.Click
Dim sql As String
Dim rs As SqlDataReader 'การอ่านค่าจาก DataBase
sql = "SELECT * FROM LOGIN"
rs = ExcuteReader(sql)
While rs.Read
MsgBox("Get data" & rs.Item("id"))
End While
rs.Close()
End Sub
End Class
### Module1
Imports System.Data.SqlClient
Imports System.Data.SqlClient.SqlCommand
Imports System.Data.SqlClient.SqlConnection
Imports System.Data.SqlClient.SqlDataAdapter
Imports System.Data.SqlClient.SqlDataReader
Imports System.Data
Imports System
Module Module1
Public sStrng As String = "Data Source=192.168.101.3\SQLExpress;Initial Catalog=TEST;" _
& "User ID=sa;" _
& "Password=seiwa@1234;" _
& "Persist Security Info=True;"
Public scmd As SqlCommand
Public dbCon As New SqlConnection(sStrng) 'MySqlConnection(sstring)
Public dbCmd As New SqlCommand
Public dbAdapter As New SqlDataAdapter
Sub OpenDB()
If dbCon.State = ConnectionState.Closed Then ' ถ้า Cloas ให้เปิด
Try
dbCon.Open()
'MsgBox("สามารถติดต่อฐานข้อมูล")
Catch ex As Exception
MsgBox("ไม่สามารถติดต่อฐานข้อมูล")
End Try
End If
End Sub
''' <summary>
''' ####### ins_upd_del #######
''' </summary>
''' <returns></returns>
''' <remadsd></remadsd>
Public Function ExcSQL(ByVal ins_upd_del As String) As Boolean
Try
OpenDB()
scmd = New SqlCommand(ins_upd_del, dbCon)
scmd.ExecuteNonQuery()
scmd.Dispose()
Return True
Catch ex As Exception
Return False
End Try
End Function
''' <summary>
''' ####### ExcuteReader #######
''' </summary>
''' <returns></returns>
''' <remarks></remarks>
Public Function ExcuteReader(ByVal sTr As String) As SqlDataReader
If Not dbCon.State = ConnectionState.Open Then
dbCon.Open()
End If
dbCmd = New SqlCommand(sTr, dbCon)
ExcuteReader = dbCmd.ExecuteReader
End Function
End Module
developmentkids
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
connection Sql server
If your system has the Windows Firewall
configured, it must be configured to allow the remote connection to
communicate with the SQL Server executable. Follow the steps given below
to ensure connectivity through the firewall.
1. Start the Control Panel on the computer running SQL Server 2005.
2. Double Click on Windows Firewall.
3. Click on the Exceptions tab.
4. Click on the Add Program button.
5.
Add the path of sqlsrvr.exe. By default the sqlsrvr.exe is installed at
<Drive>\Program Files\Microsoft SQL
Server\MSSQL.1\MSSQL\Binn\sqlservr.exe
private void SelectEmployee() { try { DataTable data = null; using (SqlConnection connection = new SqlConnection(connectionstring)) { if (connection.State != ConnectionState.Open) { connection.Open(); } using (SqlCommand cmdSelect = connection.CreateCommand()) { cmdSelect.CommandText = "SELECT * FROM Employee;"; cmdSelect.CommandType = CommandType.Text; data = new DataTable(); using (SqlDataReader reader = cmdSelect.ExecuteReader()) { if (reader.Read()) { data.Load(reader); } } } } if (data!=null) { this.datagrdviewEmp.DataSource = data; } } catch (Exception ex) { throw ex; } }
| string connectionstring = @"Server=Server IP/Name;Database=Your DB; Uid=user id; pwd=your sql passwrod;" ; |
http://highoncoding.com/Articles/551_How_to_Access_SQL_Server_2005_from_the_Windows_Mobile_Devices.aspx
วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
crack vb 2008
จากการลงโปรแกรมแบบปกติ จะสามารถใช้งานได้แค่ 90 วัน
ท่านทีมีแผ่นโปรแกรมอยู่แล้ว ก่อนจะติดตั้งให้เข้าไปใน Folder ที่มีชื่อว่า Setup
ในที่นี้ได้ใช้โปรแกรม Notepad ที่ติดมากับวินโดว์
ให้มองหาบรรทัดที่เขียนว่า [Product Key] แนะนำให้ใช้ Ctrl+F ในการค้นหา
เมื่อเจอให้ทำการเปลี่ยน key จาก key เดิมเป็น
PYHYPWXB3BB2CCMV9DX9VDY8T
จากนั้นทำการเซพและทำการติดตั้งตามปกติ
ก็จะสามารถใช้โปรแกรมได้แบบไม่มีหมดอายุ
หากท่านใดไม่เข้าใจในขั้นตอนก็สามารถโหลด ไฟล์ setup.sdb
จากที่นี่ไปทับตัวเดิม ใน Folder Setup ได้ครับ
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
คุณสมบัติและหน้าที่การทำงานที่มีการปรับปรุงใหม่ของ Active Directory Domain Service บน Windows Server 2012R2
คุณสมบัติและหน้าที่การทำงานที่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้ดีขึ้น ของ Windows server 2012 R2 จาก Windows เวอร์ชั่นก่อนดังนี้
IMPROVED VIRTUALIZATION SUPPORT
ปรับปรุงความสามารถในการสร้าง โดเมนคอนโทรลเลอร์ด้วยการใช้ Virtual Machine Templates ได้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของไมโครซอฟต์และใน ขณะเดียวกัน ไมโครซอฟต์ ได้มีการเพิ่มเติม ฟังก์ชั่นการป้องกันไว้ใน AD DS ที่จะช่วยปกป้องความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากการกระทำ หรือจากการเปลี่ยนแปลงแก้ไขต่าง ๆ ให้กับ โดเมนคอนโทรลเลอร์ โดยวิธีการป้องกันความผิดพลาดที่เรียกว่า Virtual Machine Snapshot.
BETTER FINE-GRAINED PASSWORD POLICY CONTROL AND RECYCLE BIN INTERFACES
ไมโครซอฟต์ มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการใหม่ของ Fine-Grained Password Policy Control และ AD Recycle Bin ที่ง่ายขึ้นมาให้กับผู้ที่ทำหน้าที่บริหารระบบ โดยการใช้เครื่องมือ Active Directory Adminnistrative Center (ADAC) ที่เป็น GUI ซึ่งต่างจาก Windows Server 2008R2
ต้องใช้ ADSI Edit ซึ่งเป็น Cmdlet ในการจัดการ ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ACTIVE DIRECTORY FEDERATION SERVICES (AD FS) IMPROVEMENTS
AD FS 2.1 และ 3.0 (Windows server 2012 R2) ถูกรวมรวมและใช้เป็นพื้นฐานหลัก (Native)
ไว้ใน Windows server 2012 R2 ซึ่งมีการสนับสนุน Enterprise Applications ให้กับ Host ที่ทำหน้าที่เป็น Cloud ให้กับเครือข่ายเน็ตเวิร์ก และมีการปรับปรุงแก้ไข และสนับสนุนการใช้งานของเว็บ
ที่เป็นแบบ Single Sign-On (SSO) ให้กับ แอพพลิเคชั่นขององค์กรและแพล็ตฟอร์ม
ที่แตกต่างกันได้
ENHANCED POWERSHELL SUPPORT
Windows server 2012 R2 จะใช้ Windows PowerShell 3.0 ส่วน Windows server 2012 R2
จะใช้ Windows PowerShell 4.0 ที่มีการปรับปรุงและออกแบบ PowerShell Commandlets (cmdlet) เพิ่มเติม ที่ใหม่ขึ้น พร้อมทั้งมีการติดตั้งการใช้งานคำสั่งต่าง ๆ ทั้งหมดมาให้ พร้อมเสร็จบนโฮสต์ที่มีการรัน Windows Servers 2012R2 หรือ Windows Servers 2012R2 AD DS เพื่อให้สามารถใช้คำสั่ง
ที่เป็น คอมมานด์ไลน์ (Command Lind) ในการจัดการให้กับระบบ ที่เป็นไปโดยอัตโนมัติได้เกือบทั้งหมด
ตัวอย่าง เช่น :
- การจัดการเกี่ยวกับ เน็ตเวิร์ก เช่น Storage, Clustering, RDS, DHCP, DNS, File Servers,
Print, SMI-S และอื่น ๆ อีกมากมาย
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
การสร้าง ODBC เอาไว้ใช้งาน
สวัสดีครับเจอกันอีกครั้งน่ะครับ วันนี้ทาง IT-KORAT ขอนำเสนอ การสร้าง ODBC เอาไว้ใช้งาน ในโปรเจคของเราน่ะครับ ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับ ODBC ก่อนน่ะครับว่า คืออะไร
“ODBC คืออะไร
Open Database Connectivity (ODBC) เป็นมาตรฐาน หรืออินเตอร์เฟซของโปรแกรมประยุกต์แบบเปิด (Open Application Programming Interface) สำหรับการเข้าถึงฐานข้อมูล โดยการใช้คำสั่ง ODBC ในโปรแกรมมาจะทำให้สามารถเข้าฐานข้อมูลที่แตกต่างกัน รวมถึง Access, Dbase, DB2, Excel และ text โดยการเพิ่มซอฟต์แวร์ ODBC ในแต่ละโมดูล หรือ Driver เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลที่ต้องการ ซึ่ง Microsoft เป็นผู้สนับสนุนหลักของโปรแกรม ODBC
ODBC มีพื้นฐานและการจัดตำแหน่งใกล้เคียงกับ Open Group มาตรฐานของภาษา SQL ซึ่ง ODBC เป็นระบบอินเตอร์เฟซ โดยการใช้โปรแกรมนี่จะทำให้สามารถใช้คำสั่ง SQL เข้าถึงมาตรฐานข้อมูลโดยไม่จำเป็นต้องรู้จักคุณสมบัติการอินเตอร์เฟซของฐานข้อมูล ODBC จะรับรู้ภาษา SQL และแปลงเป็นคำสั่งของฐานข้อมูลแต่ละระบบ
ODBC ได้รับการสร้างขึ้นโดย SQL Access Group โดยมีการนำเสนอครั้งแรกในเดือนกันยายน, 1992 ในปัจจุบัน ODBC มีเวอร์ชันที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows, UNIX, OS/2 และ Macintosh ในสถาปัตยกรรมแบบ distributed Object ที่เรียกว่า Common Object Requset Broker Architecture มีโปรแกรมที่เรียกว่า President Object Service (POS) เป็นกลุ่มระดับสูงของระดับอินเตอร์เฟซและ ODBC เมื่อมีการใช้โปรแกรมในภาษา JAVA และใช้โปรแกรมประยุกต์ JAVA Database Connectivity ในการอินเตอร์เฟซ ซึ่งรวมถึง JDBC- ODBC คือโปรแกรมเชื่อม เพื่อเข้าถึง ODBC ”
เอาล่ะครับเราคงพอเข้าใจกันแล้วน่ะครับว่า ODBC คืออะไร ทีนี้เรามาเริ่มกันเลยครับ
ก่อนอื่นเรา ต้องเปิด Control Panel ก่อน เข้าไปที่ Administrative tools - > Data Source(ODBC)
จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมา ให้กด ADD-> เลือกตามลูกศรแล้วกด Finish
จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมา ก็ให้ใส่ข้อมูลตามรูป ครับ
Data Source Name: เรากำหนดเองครับชื่อไรก็ได้
TCP/IP SERVER: อันนี้ในตัวอย่างผม ใช้ในเครื่องทำ DB ผมใช้ Xampp ครับ
User: ชื่อผู้ใช้งาน
Password: รหัสผ่าน
Database: ชื่อฐานข้อมูล
จากนั้นคลิกปุ่ม OK แค่นี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
หากดูแล้ว งง ๆ ก็คอมเม้นมาได้เลยครับยินดีตอบครับ วันนี้ผมขอจบบทความเพียงเท่านี้ก่อน ไว้พรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องการ Connect DB ครับ ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ
Credit by: Krumkroo.com
หากดูแล้ว งง ๆ ก็คอมเม้นมาได้เลยครับยินดีตอบครับ วันนี้ผมขอจบบทความเพียงเท่านี้ก่อน ไว้พรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องการ Connect DB ครับ ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ
Credit by: Krumkroo.com
Visual Basic Tutorial ตอนที่ 2 การสร้าง Project และการเชื่อมต่อ Database
สวัสดีครับ เจอกันอีกครั้งน่ะครับกับ Development Kids กลับมาคราวนี้ ผมขอเสนอ Visual Basic Tutorial ตอนที่ 2 การสร้าง Project และการเชื่อมต่อ Database ก่อนอื่น ผมขออธิบายกันแบบคร่าวๆเกี่ยวกับรูปแบบการเชื่อมต่อกับ ฐานข้อมูล ก่อนน่ะครับว่ามีรูปแบบยังไงบ้าง
รูปแบบการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล ประกอบด้วย
1. ODBC อันนี้ผมได้อธิบายไปแล้วในบทความ การสร้าง ODBC ครับสามารถกลับไปอ่านได้ในบทความที่ผ่านมาได้ครับ
2. OLEDB อันนี้เอาตามความเข้าใจของผมเลยน่ะครับ OLEDB นี้เอาไว้เชื่อมต่อกับพวกฐานข้อมูลจำพวก Access Excel Oracle MySql เป็นต้น ครับ
3. SQL ส่วนอันนี้คงไม่ต้องอธิบายมากครับชื่อก็อบอกอยู่แล้วว่า SQL อันนี้ไว้เชื่อมต่อ พวก SQL MySQL เป็นต้นครับ
ทีนี้เรามาพูดถึง ส่วนของ Provider กัน Provider นี้จะเป็นรูปแบบของชุดการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล ซึ่งแต่ล่ะตัวจะมีการเรียกใช้งานแบบเฉพาะของใครของมัน ซึ่งก็มีดังต่อไปนี้ครับ
Connection สำหรับไว้ Connect Database แบบต่าง ๆ ที่ใช้งานบ่อย ๆ ผมจะแบ่ง Group น่ะครับตามข้างล่างเลย
ODBC
strConnString=”DNS=ODBC;UID=User;PWD=Password;”
OLEDB
' Oracle
strConnString = "Data Source=TCDB;User Id=myuser;Password=mypassword;"
' Access 2007
strConnString = "Provider=Microsoft.ACE.OLEDB.12.0;Data Source=C:\Database1.accdb;"
'Access 2003
strConnString = "Provider= Microsoft.Jet.OLEDB.4.0;Data Source=C:\Database1.mdb;"
SQL
' MS SQL Server
'1)
strConnString = "Data Source=.\SQLExpress;Initial Catalog=myDatabase;Integrated Security=True"
'2)
strConnString = "Data Source=ATHLON2500;Initial Catalog=HirePurchase;User ID=vs2005;Password=1234"
' Mysql
strConnString = "Database=myDatabase;Data Source=localhost;User Id=root;Password=mypassword"
รูปการ Connect ที่หลักที่ผมใช้ก็มีแค่นี้เองครับ เอาล่ะครับทีนี้เรามาเริ่มการ การสร้าง Project กันเลยดีกว่า
ก่อนอื่นเราต้องเปิด Visual Studio 2008 ข้นมาก่อนน่ะครับ
เสร็จแล้วไปที่ File -> New -> Project
จากนั้นจะมีหน้าต่างโผล่ขึ้นมา
จากนั้นจะมีหน้าต่างโผล่ขึ้นมา
เสร็จแล้วให้เราทำการ ตั้งชื่อ Project ในตัวอย่างผมตั้งชื่อว่า Training น่ะครับ หากต้องการจัดเก็บ Project ไว้ที่ Direct อื่นให้เรากด ที่ Browse จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราเลือกที่จะเก็บที่ไหน ในตัวอย่างผมเก็บที่ D:\Training\VB
จากนั้นคลิก OK
เราก็จะได้ Form1 ขึ้นมาตามรูปครับ
ถ้าหากเราไม่ชอบชื่อ Form1 เราก็สามารถเปลื่อนชื่อได้ครับโดยการ คลิกขวาที่ Form1 แล้วเลือก Rename
จากนั้นจะมีหน้าต่างยืนยันก็ให้เรากด Yes ครับ
จากนั้นทำการเปลี่ยนชื่อ Form ตรง Tab Properties ตรง Text ให้เป็นชื่อที่เราต้องการครับ
จากนั้นลองกด Run ดู
ก็จะได้หน้าต่าง Form ที่เราตั้งชื่อใหม่ครับ แต่ในตัวอย่างผมไม่ได้เปลี่ยนชื่อน่ะ ฮ่ะๆ
เอาละครับเป็นอันเสร็จการสร้าง Project ต่อไปเราจะมาทำ การติดต่อ ฐานข้อมูล กันเอาล่ะเรามาเริ่มกัน ก่อนอื่นเราต้องมี ฐานข้อมูลก่อนน่ะครับในตัวอย่างผมใช้ MySql ที่รันบน XAMPP น่ะครับ
เมื่อเราได้ ฐานข้อมูลแล้วเราก็มาสร้าง Module กัน
คลิกขวาที่ Project -> ADD -> Module
จากนั้นจะมี หน้าต่างขึ้นมา ให้เราตั้งชื่อใหม่ ในตัวอย่าง ผมตั้งว่า ModuleMain ครับจากนั้นกด ADD
เราก็จะได้ Module ขึ้นมา ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเขียน Module กันเลย
คลิกขวาที่ Module -> View Code ก็จะได้ส่วนของ Source Code ของ Module ขึ้นมาจากนั้นให้เราพิมพ์ Code ลงไปดังต่อไปนี้
Imports System.Data
Imports System.Data.Odbc 'ใครเลือก OLEDB ก็ให้ใส่ OLEDB น่ะ
Module ModuleMain
'กำหนด DSN sSQL ที่เราสร้างขึ้นมาน่ะครับ
Dim conString As String = "DSN=sSQl;UID=root;PWD=root"
Public Conn As New OdbcConnection(conString)
Public Cmd As New OdbcCommand
Public rs As OdbcDataReader
Sub OpenDB()
'ทำการ Open Connect
Conn.Open()
'ทำการตรวจสอบว่าทำการเชื่อมต่อได้หรือไม่
If ConnectionState.Open = ConnectionState.Open Then
'ถ้าเชื่อมต่อได้ให้แสดง ข้อความ "เชื่อมต่อฐานข้อมูลได้แล้ว"
MsgBox("เชื่อมต่อฐานข้อมูลได้แล้ว")
End If
End Sub
End Module
หากใครไม่ได้ตามนี้แสดงว่าเขียนผิดน่ะครับฮ่าๆ กลับไปดู Code ใหม่เลย
แค่นี้ก็จบแล้วครับขั้นตอนการสร้าง Project และการเชื่อมต่อ DB ใน Visual Studio .Net หากท่านใดทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจตรงไหน สามารถ คอมเม้นมาได้เลยครับ ยินดีตอบครับ ก่อนจากกันต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและติดตาม Blog และหากผิดพลาดประการใดต้องขอ อภัย ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยมือใหม่หัดเขียนครับ ขอบคุณครับ
Credit by krumkroo
Credit by krumkroo
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)